** คัดลอกบทความมาจากเพจ efin มาเก็บไว้ดู กลัวว่ากลับไปดูวันหลังแล้วหาบทความไม่เจอ https://www.facebook.com/efinpage
เลือกหุ้นเก็งกำไรด้วย มือถือ
ไม่มีเวลาอยู่หน้าคอมก็ไม่เป็นไร หยิบมือถือขึ้นมาแล้วทำแบบนี้..!!
เปิดแอพพลิเคชัน efin mobile ใช้งานได้ ฟรี ฟรี ฟรี๊
ขั้นตอนแรก " เลือกหุ้น " เราจะใช้ฟังก์ชัน compare average Volume5 ในการค้นหา เพราะเราจะได้หุ้นที่ติดกระแส นักลงทุนกำลังรุม และมีความต้องการซื้อมากกว่าต้องการขาย (มีแต่คนเคาะขวากันทั้งนั้น) ที่กล่าวมาทั้งหมดทั้งมวล สสามารถตั้งค่าตามนี้
AvgVal5(MB)>= 10 (มูลค่าซื้อ-ขาย ต้องมากกว่าหรือ เท่ากับ 10 ล้านบาทขึ้นไป เป็นการคัดสภาพคล่องของหุ้น จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของหุ้นที่มาและไปในวันเดียว)%CMPR >=300 (เป็นการคัดหุ้นที่ซื้อการกันมากผิดปกติถึง 300% หรือ 3 เท่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 วันที่ผ่านมา แปลง่ายๆคือได้หุ้น volume เข้า)%BVol >= 45 (เป็นการคัดเฉพาะหุ้นที่มีปริมาณซื้อมากๆ มีแต่คนเคาะขวาหรือยอมซื้อที่ราคาแพง ประดุจดั่งว่าเชื่อมั่นมากๆ)%Chg >=0.01 (คัดเฉพาะหุ้นเขียว ยังไงหุ้นเขียวก็ดีกว่าหุ้นแดง)
ปล.วิธีนี้จะโอเคกว่าในวันที่ set บวก แนะนำค้นหาหุ้นหลังตลาดปิดเช้านะคะ
ขั้นที่ที่สอง "คัดหุ้นต่อด้วยกราฟเทคนิค" โดยจะเลือกหุ้นที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น หรือมีโอกาสที่จะปิด break high หากเราเป็นมือใหม่ แนะนำให้ใส่ indicator ZIGZAG และตั้งค่าเป็น 1.5 เหมาะสำหรับกราฟรายวัน สังเกตว่าเป็นกราฟขาขึ้นได้จากV shape ล่าสุด ยกตัวสูงขึ้นราคาปิด มีท่าทีว่าจะปิดเหนือ A shape ล่าสุด ตัวไหนที่กราฟยังไม่เป็นแนวโน้มขาขึ้น อาจจะซึมๆหน่อย ไปไม่แรง หรือไม่ไปต่อ ประมาณว่าเป็นหุ้นที่ถูกตัวแต่ยังไม่ถูกเวลาขั้นที่สาม "คัดต่อด้วยงบ" วิธีง่ายที่สุดคือการใช้ F-score คะแนนสูงสุดสำหรับค่านี้คือ 9 โดยให้เลือกหุ้นที่มีคะแนนตั้งแต่ 5 ขึ้นไป นั่นหมายความว่าเราจะคัดเฉพาะหุ้นที่ทำคะแนนได้เกินครึ่ง ปกกันความเสี่ยงไว้อีกทาง อย่างน้อยก็คัดหุ้นเน่าออกไป ขั้นที่ 4 "เช็คต้นทุนชาวบ้าน" แท่งสูงที่สุดของวันคือแท่งที่ Volume รวมอยู่ราคานั้นเยอะที่สุด แปลได้ว่าเป็นราคาที่มีนัยยะสำคัญ ถ้าเราสามารถซื้อในราคาเกาะกลุ่มกับคนหมู่มากยิ่งเป็นการเสริมกำแพง ให้ราคาที่จะซื้อ ขาย หากราคาปิดผ่านแท่งสูงไปได้ ราคาปิดแท่งสูงสุดวันนั้น จะเปลี่ยนเป็นแนวรับที่มีนัยยะสำคัญ ในรอบถัดไป ขั้นตอนที่ห้า "STOP LOSS" นั้นสำคัญยิ่ง การซื้อ ขาย หุ้นทุกครั้ง ควรมีจุด stop loss (จุดหยุดขาดทุนไว้เท่านี้ หรือ จุดขายตัดขาดทุน) เป็นจุดราคาที่เรายอมยกธงขาว หากราคาไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ วิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับมือใหม่คือ ฐานของ V shape ล่าสุด หรือราคา low นั่นเอง แต่เมื่อราคาเปรับตัวขึ้นไปจนเกิด v shape ใหม่้องขยับจุด stop loss ไปด้วยทุกครั้ง เป็นการทำ trailing stop ไปในตัวด้วยนะคะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น